*** กระดานดำออนไลน์ *** Thai's Web-Based Edutainment


"เทคโนโลยีกับการพัฒนาชุมชน"

ภาพ ๑

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมลงไปกรุงเทพฯ ถึง ๒ ครั้ง ๒ คราด้วยกัน 
ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๓ ธ.ค. เพื่อไปพูดคุยให้น้องๆ นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์
สาขาประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ฟังเกี่ยวกับ "เทคโนโลยี
กับการพัฒนาชุมชน"
ในแง่มุมของผม

เหตุที่ถูกเชิญไปพูดนั้น ไม่ใช่ว่าผมมีความรู้ความสามารถอะไรเหนือใครอื่นเขานะครับ เพียงแต่ว่าอาจารย์
ผู้สอนวิชานี้รู้จักกับผมเมื่อครั้งผมไปประกวดโครงการเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งจัดโดยธนาคาร
โลกเมื่อปี ๒๕๔๔ และโครงการที่ผมคิดก็ได้เข้ารอบ 

หลังจากนั้นท่านก็กลับไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา เราก็ติดต่อกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตนี้แหละ พอท่าน
สำเร็จการศึกษามี ดร.นำหน้ากลับมา จึงมีโอกาสร่วมงานกันในครั้งนี้แหละ 

หากใครติดตามอ่านเว็บไซต์ของผมตั้งแต่แรกๆ คงพอจะทราบว่าผมเองก็เคยเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยา
กรุงเทพเหมือนกันเมื่อปี ๒๕๓๐ แต่ก็เป็นได้แค่เทอมเดียว

การกลับไปในครั้งนี้ เสมือนกลับไปเยือนสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกในชีวิตของผม ซึ่งจะว่าไปแล้วผมเอง
ก็ได้รับประสบการณ์มากมายจากการเป็นนักศึกษาของที่นี่

ส่วนที่ผมไปพูดคุยนั้น เป็นกิจกรรมหนึ่งของนักศึกษาปีสุดท้ายที่เรียนวิชาสัมมนา และได้จัดหัวข้อสัมมนา
นี้ขึ้นมา ก็นึกถึงตัวเองเมื่อตอนเรียนรามคำแหงปีสุดท้ายและต้องจัดกิจกรรมแบบนี้เหมือนกัน และนั่นก็ถือเป็น
ก้าวแรกก่อนจะออกมาสู่ถนนชีวิตของการทำงานจริงๆ

โจทย์ที่นักศึกษาให้ผมมาคือ "เทคโนโลยีกับการพัฒนาชุมชน" ฟังดูแล้วเหมือนมันกว้างเหลือเกินนะครับ
กับหัวข้อดังกล่าว ผมเลยขมวดให้แคบเข้าตรงกับที่นักศึกษาได้ร่ำเรียนคือ "การประชาสัมพันธ์" และเอาให้แคบ
เข้าไปอีกก็คือ ประสบการณ์ของผมเองในการทำงาน

คงจะไม่สาธยายทั้งหมดที่ผมไปพูดคุยให้อ่านในที่นี้นะครับ เพราะมานึกๆ ดูแล้ว ตัวเองคิดว่าทำหน้าที่ได้
ไม่ดีดังที่คาดหวังไว้ ซึ่งมาจากหลายๆ สาเหตุ อาทิ เรื้อเวทีไปนาน, ประหม่า, ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองพูดไปนั้น
จะตรงกับโจทย์ที่ตั้งไว้หรือเปล่า ฯลฯ

อย่างไรก็ดี อาจารย์ท่านได้แจ้งให้ผมทราบว่านักศึกษามีความพอใจในสิ่งที่ผมพูดคุยบอกกล่าวในช่วง
เวลา ๒ ชั่วโมงที่กำหนดให้ ผมก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง 

เนื้อหาที่ผมไปพูดคุยนั้นผมพยายามเชื่อมโยงคำว่าเทคโนโลยีในความหมายที่คนส่วน
ใหญ่เข้าใจกัน นั่นก็คือต้องนึกถึงเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หรือความทันสมัยอะไรทำนองนั้นและ
ก็อ้างถึงความหมายในพจนานุกรมเว็บสเทอร์ ดังนี้ ๑) การใช้ทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านอุตสาหกรรมและพณิชยกรรมองค์รวมทั้งหมดของวิธีการ
และวัสดุที่ใช้เพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ๒) องค์ความรู้ที่มีอยู่ในอารยธรรมเพื่อใช้
ในการเพิ่มพูน ฝึกหัดด้านศิลปะและทักษะ ความชำนาญ เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุ

ส่วนพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ หมายถึง วิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอา
วิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม

หากตีความตามความหมายแล้วไม่เห็นมีตรงไหนที่จะกล่าวถึงชุมชนหรือเกษตรกรรม ผมก็ต้องมาหาวิธี
เชื่อมโยงเอาเองละครับ และหากจะพูดโดยรวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชนแล้วมีมากเหลือเกิน
ซึ่งทั้งนี้ก็แล้วแต่การตีความและประสบการณ์ของแต่ละคน

ปัจจุบันนั้นก้าวไกลถึงขนาดไปเหยียบดวงจันทร์และเยือนดาวอังคารกันแล้ว แต่มองดูสภาพความเป็นจริง
ของชุมชนหรือชนบทที่ผมอยู่ บางแห่งบางที่ ๓๐ ปีก่อนเป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

อย่างเช่นเกษตรกรท่านนี้ ลุงสุวรรณ  กันภัย จากอ.สนม
จังหวัดสุรินทร์บ้านผมนี่แหละ ท่านใช้เทคโนโลยีพื้นๆ ที่สุด
คือ มันสมอง+สองมือ+สองเท้า ผู้ปฏิเสธเทคโนโลยีทันสมัย
แทบสิ้นเชิง

ผมไปเจอสวนของท่านครั้งแรกก็ประทับใจทันที เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้ผล พืช ผัก นานาชนิด โดยที่
ผืนดินรอบข้างของท่านมีแต่ไร่นาที่รกร้าง และเมื่อได้สนทนาวิสาสะเกี่ยวกับแนวคิดในการดำรงชีวิตของท่าน
แล้ว ทำให้ผมและหลายๆ คนที่แวะมาดูงานที่สวนของท่านต้องยอมคารวะในความเป็นนักสู้ของท่านจริงๆ

ผืนนาที่รกร้างว่างเปล่าจากฤดูทำนาเมื่อหลายสิบปีก่อน ถูกพลิกกลับให้เป็นแผ่นดินทองด้วยแรงกายกับ
จอบเท่านั้น แนวคิดทฤษฎีที่ท่านได้นำมาปฏิบัติคือ กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"เกษตรแบบพอเพียง" ที่หากใครลงมือปฏิบัติด้วยความมานะอดทนแล้ว ความพอเพียงนั้นกลับกลายเป็นรายได้
ที่งดงามอย่างน่าอิจฉา

... ผมยกตัวอย่าง เรื่องนี้ให้นักศึกษาฟังและเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีของโลก ซึ่งมันตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว
และผมจะใช้เทคโนโลยีอะไรในการพัฒนาชุมชน เมื่อผมไปพบเรื่องแบบนี้

ผมมีคอมพิวเตอร์, กล้องถ่ายภาพดิจิทัลคุณภาพพอใช้ได้และเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต สิ่งแรกที่ผมทำคือถ่ายภาพไว้ก่อน จากนั้นก็พูดคุยพอสังเขป
เพื่อจะมาประมวลและจัดลำดับความคิดตามความรู้ของผมว่าผมควรจะ
ทำอย่างไร เพื่อทำให้ชุมชนของผมได้รับรู้สิ่งที่ผมพบเห็นในด้านดีนี้
และนอกจากชุมชนของผมแล้วผมควรจะกระจายเรื่องแบบนี้ให้กับชุมชน
อื่นและสังคมอื่นได้รับรู้ด้วย ... นี่คือความคิดของผม

หากใครได้อ่านหนังสือ "คลื่นลูกที่สาม" ของอัลวิน  ทอล์ฟเลอร์ ซึ่งมีอยู่บทหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับเรื่อง
"โทรชุมชน" ผมขอคัดลอกใจความสำคัญมาให้อ่าน ดังนี้

"...กุญแจสำคัญที่จะเปิดไปสู่การสร้างความผูกพันกับชุมชนในยุคคลื่นลูกที่สาม คือการใช้การสื่อสารเข้ามา
แทนการคมนาคม ความคิดที่ว่า คอมพิวเตอร์และโทรคมนาคมจะตัดขาดเราจากการพบปะผู้คนและทำให้        
มนุษยสัมพันธ์เลวร้ายลงไป เป็นความคิดที่ตื้นและง่ายเกินไป อันที่จริงมันน่าจะเป็นในทางกลับกัน ในขณะที่     
ความสัมพันธ์กับหน่วยงานอาจลดลง ความผูกพันในบ้านและชุมชนจะมีมากขึ้น คอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม 
จะช่วยเราสร้างชุมชน..."
(น.๓๐๕, พิมพ์ครั้งที่ ๒)

เมื่อปี ๒๕๓๖ ีที่ผมอ่าน ผมอาจจะเห็นภาพไม่ชัดเจนนัก แต่ ณ วันนี้ ผมสามารถจับต้องมันได้ 

นั่นก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ผมยกไปพูดคุยให้กับนักศึกษาได้ฟังกัน ... หลังจากพูดคุยจบแล้ว ก็มีเวลาให้ได้
ซักถามกัน  ซึ่งบางคำถามนั้น ผมก็จนด้วยปัญญาจริงๆ แต่ก็ได้ขออนุญาตนำคำถามเหล่านั้นมาลงในเว็บไซต์
เผื่อว่าท่านที่ผ่านมาจะได้เก็บไปขบคิด เพื่อช่วยกันหาคำตอบให้กับตัวเอง

  • เทคโนโลยี มีส่วนในการประชาสัมพันธ์ชุมชนและรวมไปถึงการพัฒนาชุมชนในด้านใดบ้าง?

  • เทคโนโลยีกับการพัฒนาชุมชนจะประสบผลสำเร็จได้นานเท่าไรและอะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญ?

  • เทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์) ไปด้วยกันได้กับการพัฒนาชุมชนในยุคปัจจุบันได้จริงหรือ?

  • การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชนนั้น ทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง?

  • อุปสรรในการใช้เทคโนโลยีพัฒนาชุมชนเป็นอย่างไร?

  • คนในชุมชนสามารถรับเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาได้มากเพียงใด?

  • การพัฒนาชุมชนมีผลต่อการประชาสัมพันธ์ในด้านใดบ้าง?

  • คนชนบทส่วนใหญ่เป็นพวกอนุรักษ์นิยม ไม่ค่อยยอมรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการ PR อย่างไร
    ให้คนชนบทหันมาสนใจ และเกิดการยอมรับในการนำมาพัฒนาชุมชน?

  • จะมีการ PR อย่างไรกับผู้ที่คิดว่าเจริญแล้ว เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีให้เห็นถึงความสำคัญของ
    ภูมิปัญญาไทย หรือเทคโนโลยีแบบพื้นบ้านและหันมาให้การสนับสนุน?

  • การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของโลกมี "พลวัต" สูง หมายความว่าอย่างไร

นั่นเป็นคำถามของนักศึกษา ที่คำตอบของแต่ละชุมชนย่อมไม่เหมือนกัน.. ผมก็ตอบไปตามประสบการณ์
ของผม และท่านลองหาคำตอบให้กับตัวท่านดูนะครับ

ที่นี้มาดูคำถามที่ถามเกี่ยวกับตัวผมบ้าง

  • เห็นเว็บกระดานดำ มีเนื้อหาในส่วนของเรื่องธรรมะด้วย คิดว่าธรรมะเป็นเรื่องจำเป็นที่สุดที่จะช่วยให้
    คนเราพ้นทุกข์ (แต่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจ นึกถึงแต่เงิน) แล้วคนในชุมชนของผมสนใจเรื่องธรรมะแค่
    ไหน และมีความคิดอย่างไร และมีแนวทางที่จะพัฒนาอย่างไร?

  • พบปัญญามากไหม ในการทำงาน เพราะชาวบ้านใช้ภาษาถึง ๓ ภาษา แล้วเวลาพบปัญหามีทางแก้ไข
    อย่างไร?

  • เคยมีใครไม่เห็นด้วยไหมกับงานที่ผมทำ และแก้ปัญหาดังกล่าว อย่างไร?

  • หาทุนมาจากไหน มีหน่วยงานใดให้ทุนหรือเปล่า?

  • ผมใช้ชีวิตอย่างไร มีรายได้มากแค่ไหน?

ถึงแม้บางคำตอบผมได้ตอบไปแล้ว ณ เวลานั้น แต่คำถามเกี่ยวกับตัวผม ผมต้องมาทบทวนคำถามและ
สิ่งที่ผมทำอยู่ในทุกวันนี้ เพื่อหาคำตอบให้ตัวเองเช่นเดียวกัน

บางทีคำตอบที่ผมกำลังหาก็มีคนเคยให้ไว้เหมือนกันครับ

“การมีชีวิตอยู่เพียงเพื่ออยู่รอด ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยเพียงแต่ปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นเรื่อยไปก็อยู่ได้ 
แต่คนที่ยึดมั่น เชื่อมั่นในหลักการนั้น หายากและลำบากแต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การทำยากจะทำไม่ได้...”    

“การเริ่มต้นของบุคคลหนึ่งที่จะทำอะไรให้แก่สังคมนั้นก็ต้องเริ่มจากบุคคลนั้นเอง ส่วนจะไปเริ่มที่ระบบ      
สถาบันหรือความคิดอะไรใหญ่ๆ โตๆ นั้น บางทีก็ทำให้เลอะเลือนไปได้โดยลืมไปว่า แท้จริงเราคือคนคนหนึ่ง    
และสิ่งที่เราจะเริ่มได้ก็ที่คนคนหนึ่งนี้เท่านั้น...”
(โกมล  คีมทอง. ปรัชญาและการดำเนินชีวิต, ๒๕๔๐)


ด้วยจิตคารวะ


คำ "ติ-ชม" ของท่านมีค่ามหาศาลต่อการพัฒนาเว็บไซต์ครับ

created by.
กระดานดำออนไลน์
730/4 Tassabarn 7 Rd. Tambol.Ra-ngang
Sikhoraphum District, Surin Province.Thailand 32110

email : jakrapog@hotmail.com 
21 March, 2003