เหตุที่ถูกเชิญไปพูดนั้น
ไม่ใช่ว่าผมมีความรู้ความสามารถอะไรเหนือใครอื่นเขานะครับ
เพียงแต่ว่าอาจารย์
ผู้สอนวิชานี้รู้จักกับผมเมื่อครั้งผมไปประกวดโครงการเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งจัดโดยธนาคาร
โลกเมื่อปี ๒๕๔๔
และโครงการที่ผมคิดก็ได้เข้ารอบ
หลังจากนั้นท่านก็กลับไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา
เราก็ติดต่อกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตนี้แหละ
พอท่าน
สำเร็จการศึกษามี ดร.นำหน้ากลับมา
จึงมีโอกาสร่วมงานกันในครั้งนี้แหละ
หากใครติดตามอ่านเว็บไซต์ของผมตั้งแต่แรกๆ
คงพอจะทราบว่าผมเองก็เคยเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยา
กรุงเทพเหมือนกันเมื่อปี
๒๕๓๐
แต่ก็เป็นได้แค่เทอมเดียว
การกลับไปในครั้งนี้
เสมือนกลับไปเยือนสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกในชีวิตของผม
ซึ่งจะว่าไปแล้วผมเอง
ก็ได้รับประสบการณ์มากมายจากการเป็นนักศึกษาของที่นี่
ส่วนที่ผมไปพูดคุยนั้น
เป็นกิจกรรมหนึ่งของนักศึกษาปีสุดท้ายที่เรียนวิชาสัมมนา
และได้จัดหัวข้อสัมมนา
นี้ขึ้นมา
ก็นึกถึงตัวเองเมื่อตอนเรียนรามคำแหงปีสุดท้ายและต้องจัดกิจกรรมแบบนี้เหมือนกัน
และนั่นก็ถือเป็น
ก้าวแรกก่อนจะออกมาสู่ถนนชีวิตของการทำงานจริงๆ
โจทย์ที่นักศึกษาให้ผมมาคือ
"เทคโนโลยีกับการพัฒนาชุมชน"
ฟังดูแล้วเหมือนมันกว้างเหลือเกินนะครับ
กับหัวข้อดังกล่าว
ผมเลยขมวดให้แคบเข้าตรงกับที่นักศึกษาได้ร่ำเรียนคือ
"การประชาสัมพันธ์"
และเอาให้แคบ
เข้าไปอีกก็คือ
ประสบการณ์ของผมเองในการทำงาน
คงจะไม่สาธยายทั้งหมดที่ผมไปพูดคุยให้อ่านในที่นี้นะครับ
เพราะมานึกๆ ดูแล้ว
ตัวเองคิดว่าทำหน้าที่ได้
ไม่ดีดังที่คาดหวังไว้
ซึ่งมาจากหลายๆ สาเหตุ
อาทิ เรื้อเวทีไปนาน,
ประหม่า,
ไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองพูดไปนั้น
จะตรงกับโจทย์ที่ตั้งไว้หรือเปล่า
ฯลฯ
อย่างไรก็ดี
อาจารย์ท่านได้แจ้งให้ผมทราบว่านักศึกษามีความพอใจในสิ่งที่ผมพูดคุยบอกกล่าวในช่วง
เวลา ๒
ชั่วโมงที่กำหนดให้
ผมก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง
 |
เนื้อหาที่ผมไปพูดคุยนั้นผมพยายามเชื่อมโยงคำว่าเทคโนโลยีในความหมายที่คนส่วน
ใหญ่เข้าใจกัน
นั่นก็คือต้องนึกถึงเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หรือความทันสมัยอะไรทำนองนั้นและ
ก็อ้างถึงความหมายในพจนานุกรมเว็บสเทอร์
ดังนี้ ๑) การใช้ทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งเพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านอุตสาหกรรมและพณิชยกรรมองค์รวมทั้งหมดของวิธีการ
และวัสดุที่ใช้เพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
๒)
องค์ความรู้ที่มีอยู่ในอารยธรรมเพื่อใช้
ในการเพิ่มพูน ฝึกหัดด้านศิลปะและทักษะ ความชำนาญ
เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุ
|
ส่วนพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕
หมายถึง
วิทยาการที่เกี่ยวกับศิลปะในการนำเอา
วิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติและอุตสาหกรรม
หากตีความตามความหมายแล้วไม่เห็นมีตรงไหนที่จะกล่าวถึงชุมชนหรือเกษตรกรรม
ผมก็ต้องมาหาวิธี
เชื่อมโยงเอาเองละครับ
และหากจะพูดโดยรวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชนแล้วมีมากเหลือเกิน
ซึ่งทั้งนี้ก็แล้วแต่การตีความและประสบการณ์ของแต่ละคน
ปัจจุบันนั้นก้าวไกลถึงขนาดไปเหยียบดวงจันทร์และเยือนดาวอังคารกันแล้ว
แต่มองดูสภาพความเป็นจริง
ของชุมชนหรือชนบทที่ผมอยู่
บางแห่งบางที่ ๓๐
ปีก่อนเป็นอย่างไร
เดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น
 |
อย่างเช่นเกษตรกรท่านนี้
ลุงสุวรรณ
กันภัย จากอ.สนม
จังหวัดสุรินทร์บ้านผมนี่แหละ
ท่านใช้เทคโนโลยีพื้นๆ
ที่สุด
คือ มันสมอง+สองมือ+สองเท้า
ผู้ปฏิเสธเทคโนโลยีทันสมัย
แทบสิ้นเชิง |

|
ผมไปเจอสวนของท่านครั้งแรกก็ประทับใจทันที
เพราะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไม้ผล
พืช ผัก นานาชนิด โดยที่
ผืนดินรอบข้างของท่านมีแต่ไร่นาที่รกร้าง
และเมื่อได้สนทนาวิสาสะเกี่ยวกับแนวคิดในการดำรงชีวิตของท่าน
แล้ว ทำให้ผมและหลายๆ
คนที่แวะมาดูงานที่สวนของท่านต้องยอมคารวะในความเป็นนักสู้ของท่านจริงๆ
ผืนนาที่รกร้างว่างเปล่าจากฤดูทำนาเมื่อหลายสิบปีก่อน
ถูกพลิกกลับให้เป็นแผ่นดินทองด้วยแรงกายกับ
จอบเท่านั้น
แนวคิดทฤษฎีที่ท่านได้นำมาปฏิบัติคือ
กระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
"เกษตรแบบพอเพียง"
ที่หากใครลงมือปฏิบัติด้วยความมานะอดทนแล้ว
ความพอเพียงนั้นกลับกลายเป็นรายได้
ที่งดงามอย่างน่าอิจฉา
... ผมยกตัวอย่าง
เรื่องนี้ให้นักศึกษาฟังและเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีของโลก
ซึ่งมันตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว
และผมจะใช้เทคโนโลยีอะไรในการพัฒนาชุมชน
เมื่อผมไปพบเรื่องแบบนี้
ผมมีคอมพิวเตอร์,
กล้องถ่ายภาพดิจิทัลคุณภาพพอใช้ได้และเครือข่าย
อินเทอร์เน็ต
สิ่งแรกที่ผมทำคือถ่ายภาพไว้ก่อน
จากนั้นก็พูดคุยพอสังเขป
เพื่อจะมาประมวลและจัดลำดับความคิดตามความรู้ของผมว่าผมควรจะ
ทำอย่างไร
เพื่อทำให้ชุมชนของผมได้รับรู้สิ่งที่ผมพบเห็นในด้านดีนี้
และนอกจากชุมชนของผมแล้วผมควรจะกระจายเรื่องแบบนี้ให้กับชุมชน
อื่นและสังคมอื่นได้รับรู้ด้วย
... นี่คือความคิดของผม
หากใครได้อ่านหนังสือ
"คลื่นลูกที่สาม"
ของอัลวิน ทอล์ฟเลอร์
ซึ่งมีอยู่บทหนึ่งที่เขียนเกี่ยวกับเรื่อง
"โทรชุมชน"
ผมขอคัดลอกใจความสำคัญมาให้อ่าน
ดังนี้
"...กุญแจสำคัญที่จะเปิดไปสู่การสร้างความผูกพันกับชุมชนในยุคคลื่นลูกที่สาม
คือการใช้การสื่อสารเข้ามา
แทนการคมนาคม ความคิดที่ว่า คอมพิวเตอร์และโทรคมนาคมจะตัดขาดเราจากการพบปะผู้คนและทำให้
มนุษยสัมพันธ์เลวร้ายลงไป เป็นความคิดที่ตื้นและง่ายเกินไป อันที่จริงมันน่าจะเป็นในทางกลับกัน
ในขณะที่
ความสัมพันธ์กับหน่วยงานอาจลดลง
ความผูกพันในบ้านและชุมชนจะมีมากขึ้น
คอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม
จะช่วยเราสร้างชุมชน..."
(น.๓๐๕, พิมพ์ครั้งที่ ๒)
เมื่อปี ๒๕๓๖
ีที่ผมอ่าน
ผมอาจจะเห็นภาพไม่ชัดเจนนัก
แต่ ณ วันนี้
ผมสามารถจับต้องมันได้
นั่นก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ผมยกไปพูดคุยให้กับนักศึกษาได้ฟังกัน
... หลังจากพูดคุยจบแล้ว
ก็มีเวลาให้ได้
ซักถามกัน
ซึ่งบางคำถามนั้น
ผมก็จนด้วยปัญญาจริงๆ
แต่ก็ได้ขออนุญาตนำคำถามเหล่านั้นมาลงในเว็บไซต์
เผื่อว่าท่านที่ผ่านมาจะได้เก็บไปขบคิด
เพื่อช่วยกันหาคำตอบให้กับตัวเอง
-
เทคโนโลยี
มีส่วนในการประชาสัมพันธ์ชุมชนและรวมไปถึงการพัฒนาชุมชนในด้านใดบ้าง?
-
เทคโนโลยีกับการพัฒนาชุมชนจะประสบผลสำเร็จได้นานเท่าไรและอะไรเป็นองค์ประกอบสำคัญ?
-
เทคโนโลยี
(คอมพิวเตอร์)
ไปด้วยกันได้กับการพัฒนาชุมชนในยุคปัจจุบันได้จริงหรือ?
-
การใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาชุมชนนั้น
ทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง?
-
อุปสรรในการใช้เทคโนโลยีพัฒนาชุมชนเป็นอย่างไร?
-
คนในชุมชนสามารถรับเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาได้มากเพียงใด?
-
การพัฒนาชุมชนมีผลต่อการประชาสัมพันธ์ในด้านใดบ้าง?
-
คนชนบทส่วนใหญ่เป็นพวกอนุรักษ์นิยม
ไม่ค่อยยอมรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ
มีการ PR อย่างไร
ให้คนชนบทหันมาสนใจ
และเกิดการยอมรับในการนำมาพัฒนาชุมชน?
-
จะมีการ
PR
อย่างไรกับผู้ที่คิดว่าเจริญแล้ว
เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีให้เห็นถึงความสำคัญของ
ภูมิปัญญาไทย
หรือเทคโนโลยีแบบพื้นบ้านและหันมาให้การสนับสนุน?
-
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของโลกมี
"พลวัต" สูง
หมายความว่าอย่างไร
นั่นเป็นคำถามของนักศึกษา
ที่คำตอบของแต่ละชุมชนย่อมไม่เหมือนกัน..
ผมก็ตอบไปตามประสบการณ์
ของผม
และท่านลองหาคำตอบให้กับตัวท่านดูนะครับ
ที่นี้มาดูคำถามที่ถามเกี่ยวกับตัวผมบ้าง
-
เห็นเว็บกระดานดำ
มีเนื้อหาในส่วนของเรื่องธรรมะด้วย
คิดว่าธรรมะเป็นเรื่องจำเป็นที่สุดที่จะช่วยให้
คนเราพ้นทุกข์ (แต่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจ
นึกถึงแต่เงิน)
แล้วคนในชุมชนของผมสนใจเรื่องธรรมะแค่
ไหน
และมีความคิดอย่างไร
และมีแนวทางที่จะพัฒนาอย่างไร?
-
พบปัญญามากไหม
ในการทำงาน
เพราะชาวบ้านใช้ภาษาถึง
๓ ภาษา
แล้วเวลาพบปัญหามีทางแก้ไข
อย่างไร?
-
เคยมีใครไม่เห็นด้วยไหมกับงานที่ผมทำ
และแก้ปัญหาดังกล่าว
อย่างไร?
-
หาทุนมาจากไหน
มีหน่วยงานใดให้ทุนหรือเปล่า?
-
ผมใช้ชีวิตอย่างไร
มีรายได้มากแค่ไหน?
ถึงแม้บางคำตอบผมได้ตอบไปแล้ว
ณ เวลานั้น
แต่คำถามเกี่ยวกับตัวผม
ผมต้องมาทบทวนคำถามและ
สิ่งที่ผมทำอยู่ในทุกวันนี้
เพื่อหาคำตอบให้ตัวเองเช่นเดียวกัน
บางทีคำตอบที่ผมกำลังหาก็มีคนเคยให้ไว้เหมือนกันครับ
การมีชีวิตอยู่เพียงเพื่ออยู่รอด
ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยเพียงแต่ปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นเรื่อยไปก็อยู่ได้
แต่คนที่ยึดมั่น เชื่อมั่นในหลักการนั้น หายากและลำบากแต่นั่นไม่ได้หมายความว่า การทำยากจะทำไม่ได้...
การเริ่มต้นของบุคคลหนึ่งที่จะทำอะไรให้แก่สังคมนั้นก็ต้องเริ่มจากบุคคลนั้นเอง
ส่วนจะไปเริ่มที่ระบบ
สถาบันหรือความคิดอะไรใหญ่ๆ โตๆ นั้น บางทีก็ทำให้เลอะเลือนไปได้โดยลืมไปว่า
แท้จริงเราคือคนคนหนึ่ง
และสิ่งที่เราจะเริ่มได้ก็ที่คนคนหนึ่งนี้เท่านั้น...
(โกมล คีมทอง.
ปรัชญาและการดำเนินชีวิต,
๒๕๔๐)
|