San Francisco#2


การที่เราจะไปที่ไหนสักแห่ง หากเราได้ทำความรู้จักหรือได้ศึกษาสถานที่นั้นๆ ก่อน ก็จะทำให้การท่องเที่ยว
ครั้งนั้นราบรื่นและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น ลองนึกดูสิครับ หากเราไปที่ไหนสักแห่งโดยไม่ศึกษาข้อมูลก่อนเลย
กะไปตายเอาดาบหน้า ... บางครั้งก็เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เราลองมาทำความรู้จัก
กับสะพาน Golden Gate กันดีกว่าครับ

สะพาน Golden Gate ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของตัวเมือง จุดที่ปากอ่าวซานฟรานซิสโกจรดกับมหาสมุทร
แปซิฟิคก่อสร้างโดยมีวิศวกรชื่อนายโจเซฟ สเตราท์ เคยได้ชื่อว่าเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก เปิดใช้
เป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.๑๙๓๗ ตัวสะพานมีความยาว ๑.๗ ไมล์ เสาสะพานสูง ๗๕๑ ฟุตเหนือน้ำ ช่วงสะพาน
แขวนตอนกลางยาว ๔,๒๐๐ ฟุต กว้าง ๙๐ ฟุต 

ในแต่ละปีจะมีรถวิ่งผ่านสะพานนี้กว่า ๒๐ ล้านคัน สีของสะพานมีสีส้มสากล (International orange
colors) ใช้สีในการทาสะพานประมาณ ๑๐,๐๐๐ แกลลอน

สะพานแห่งนี้เคยได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลก แต่ผมไม่แน่ใจว่า สะพานแขวนบ้านเราจะยาวกว่าหรือไม่ เพราะดู
ข้อมูลแล้ว สะพานแขวนพระราม ๙ มีความยาว ๒.๗๑๖ กิโลเมตร ตอม่อชายฝั่งแม่น้ำสูง ๔๑ เมตร รวมความ
หนาของตัวสะพาน ๔ เมตร ความสูงเสากระโดงที่ยึดสายเคเบิ้ลสูง ๗๙ เมตร ก็ได้ชื่อว่ายาวที่สุดในโลกเช่นกัน
ไม่แน่ใจว่าจะมีสะพานไหนยาวกว่าอีก ... ใครรู้ช่วยบอกที

แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของสะพานทั้งสองแห่งก็คือ ความงดงาม ทั้งด้านสถาปัตยกรรมและทิวทัศน์
ไม่ใช่ว่าเห่อของนอกหรอกนะครับ แต่เราต้องยอมรับความจริง

 


สลิงที่ใช้โยงสะพาน


ทิวทัศน์โดยรอบ ด้านหลังคืออนุสาวรีย์วิศวกร

 


หากนั่งเรือไปเรื่อยๆ จะถึงประเทศไทย


ขอนไม้ใหญ่ที่อยู่อีกฝากหนึ่งของสะพาน

เราตระเวณถ่ายภาพทิวทัศน์ฝั่งเมือง San Francisco กันจนจุใจ ก่อนจะข้ามสะพานไปอีกฝั่งหนึ่ง เพราะ
มาถึงแล้วต้องข้ามสะพานให้สมกับว่าได้มา

ช่วงที่นั่งรถข้ามสะพานนั้นผู้ดูแลใจดีบอกว่า ปากอ่าวที่เรานั่งรถข้ามนั้น ถ้าหากนั่งเรือไปเรื่อยๆ ประมาณ 
๓ เดือน ก็จะถึงประเทศไทย ตอนนั้นน้ำตาผมแทบไหลออกมา เพราะผมรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาอย่างจับใจ

ลงถ่ายภาพพอเป็นพิธี ซึ่งมีขอนไม้ใหญ่เป็นจุดถ่ายภาพ เวลานั้นเรามองย้อนมาทางเมือง San Francisco
ยังคงมีหมอกปกคลุมไปทั่ว 

จากนั้นเราเดินทางกลับเข้ามายังตัวเมือง เพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายก่อนเดินทางกลับนครแห่ง
นางฟ้า Los Angeles

Fisherman's wharf หรือท่าเรือประมง และท่าเรือที่ ๓๙ หรือ Pier 39 คือจุดหมายปลายทางของคณะเรา
เป็นแหล่งขายของที่ระลึก ชมทิวทัศน์ทางทะเล และชมสิงโตทะเลที่ขึ้นมานอนอาบแดดกันเป็นจำนวนมาก
เอาเป็นว่าผม สนใจที่จะถ่ายภาพมากกว่าอย่างอื่นนะครับ

จุดที่น่าสนใจที่สุดของที่นี่คือ "เกาะอัลคาทราซ" ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนาม "The Rock" หรือ เกาะหิน
ที่มาของภาพยนตร์แอ็คชั่นชื่อดังเมื่อหลายปีก่อน นำแสดงโดยลุงฌอน เคนเนอรี กับ  นิโลลาส เคจ 


Sea Lion ขึ้นมาอาบแดด

นกทะเลแวะมาทักทาย


ทัศนียภาพของตัวเมืองจาก Pier 39


เกาะอัลคาทราซ

เกาะอัลคาทราซ ถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวสเปน ราวปี ค.ศ.๑๕๔๒ หรือ พ.ศ.๒๐๘๕ นู้นนะครับ แต่ก็ไม่มี
ใครสนใจ กระทั่งปี ค.ศ.๑๗๖๙ นั่นละครับ ถึงได้มีการบันทึกว่ามีเกาะนี้อยู่บนผืนภิภพ โอ้ !!มิใช่สิครับ ผืนน้ำ
และที่มาของชื่อนั้นถูกตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ค.ศ.๑๗๗๕ โดย ร้อยโทฮวน มานูเอล เดอ อายาลา
(Lt.Juan Manuel de Ayala) ซึ่งเป็นนักสำรวจชาวสเปน และชื่อที่ถูกเรียกเป็นครั้งแรกคือ อิสลา เด ลอส
อัลคาทราเซียส (Isla de los Alcatraces) มีคำแปล ว่า "เกาะนกกระทุง" ก็คงจะมีที่มาที่ไปกันละครับ

ก่อนที่จะกลายมาเป็นตำนานแห่งคุกนั้น เกาะแห่งนี้ถูกใช้เป็นที่ตั้งประภาคาร เป็นที่ตั้งของค่ายทหารและ
เรือนจำสำหรับนักโทษทหารในช่วงปี ค.ศ.๑๘๕๙-๑๙๓๓ และถูกมอบให้เป็นที่คุมขังของกรมราชทัณฑ์
เมื่อวันที่ ๑ ก.ค.๑๙๓๔

คุกอัลคาทราซ ได้ชื่อว่าเป็นคุกที่คุมขังนักโทษที่หินที่สุด หินนี่ไม่ได้หมายความว่าทำด้วยหินนะครับแต่เป็นคุก
ที่ไม่มีนักโทษคนใดหลุดรอดออกมาได้เลย นอกจากฌอน เคนเนอรี่ จากภาพยนตร์เรื่อง "The Rock"

อย่างไรก็ตาม เคยมีข่าวว่ามีนักโทษ ๓ คนหลบหนีออกไปได้เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ค.ศ.๑๙๖๒

เราพักกินข้าวเที่ยงที่เตรียมมาอีกเช่นเคยกันที่นี่ ก่อนที่จะเดินทางกลับสู่นครลอสแองเจลิส เพื่อเตรียมตัว
เตรียมใจเดินทางกับประเทศไทยในสัปดาห์หน้า

ทิ้งความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนไว้กับการเดินทางที่ยากจะหาครั้งใดเสมอเหมือน

5 days 4 nights and 3,000 miles in USA.


Homepage



คำ "ติ-ชม" ของคนมีค่ามหาศาลต่อการพัฒนาเว็บไซต์ครั
created by.
กระดานดำออนไลน์
775/11 Sukhapibarn 4 Rd. Tambol.Ra-ngang
Sikhoraphum District, Surin Province.Thailand 32110

email: jakrapog@hotmail.com
๑ ก.ย. ๒๕๔๔