ความเดิมเมื่อตอนที่แล้ว...
ผมรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว
มีอาการคล้ายจะเป็นไข้
มันก็น่าอยู่หรอกครับ
เพราะเดี๋ยว
ร้อนเดี๋ยวหนาว
ที่สำคัญคือผมตรากตรำเกินไปในช่วงที่ทำงาน
กว่าจะได้นอนก็นู้น
เที่ยงคืน, ตี ๑ ตี สอง แทบ
ทุกคืน
พอมาเจอสภาพอากาศแบบนี้
มีหรือจะทนไหม อีกอย่าง
ช่วงที่เดินถ่ายภาพนั้น
ผมไม่รู้ร้อน รู้หนาว
เพราะตื่นตากับภาพที่ปรากฎเบื้องหน้า
...
ผมเริ่มมีอาการไอเมื่อเจอกับความเย็นของเครื่องปรับอากาศบนรถ
จาก Grand
Canyon ไป Las Vegas ระยะทางประมาณ ๓๔๙
ไมล์ พอๆ กับกรุงเทพ-ศีขรภูมิเลยครับ
เวลาตามคาดไว้ราว ๕ ชั่วโมง
 |
เที่ยงกว่าๆ
เราก็ออกเดินทางจาก Grand Canyon
และแวะ
พักกินข้าวเที่ยงที่โรงภาพยนตร์
IMAX อยู่ใกล้ๆ กันนั่นแหละ
ลงจากรถผมไม่พลาดที่จะบันทึกภาพเก็บเอาไว้
(ตัวเท่ามด)
อิ่มหนำสำราญก็เดินดูบรรยากาศรอบๆ
เหมือนสถานที่ท่องเที่ยว
ทั่วไปละครับ ร้านอาหาร (แต่เราไม่ซื้อ
ห่อมากิน...ฮา) ร้านขาย
ของที่ระลึก (เราไม่ซื้อ...เพราะแพง) |
แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับคณะของเรานั่นคือตู้ปั๊มเหรียญ
ซึ่งจะมีอยู่แทบทุกที่ๆ
สำคัญ ผมพลาดมา
หลายหนแล้ว
เพราะมัวแต่ถ่ายรูป
เพื่อนๆ
พอขึ้นรถเขาก็เอาเหรียญที่ปั๊มมาอวดกัน
คราวนี้มีหรือผมจะพลาด
 |
เหรียญที่ได้มานั้น
ถือว่าเป็นของที่ระลึกได้
อย่างดีทีเดียว
ที่สำคัญหาซื้อไม่ได้
ต้องทำเอง
วิธีการก็ง่ายๆ
ไม่ยากเย็น ดังนี้ครับ
(แต่ต้อง
เตรียมเหรียญให้พร้อม
เพราะไม่มีที่ให้แลก
-
หยอดเหรียญ
๑๐ เซนต์ลงในช่องที่
เขากำหนดไว้ (เหรียญเดียวนะ)
-
หยอดเหรียญ
๒๕ เซนต์ ๒ เหรียญ
-
เลือกแบบที่ต้องการ
-
กดปุ่ม
หรือ
บางตู้ต้องออกแรงหมุนเอง
|
|
 |
เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อยโรงเรียน
Grand Canyon
เราก็จะได้เหรียญที่ระลึกรูปร่างตามแบบล่างสุด
แหม
บ้านเราน่าจะเอามาทำบ้างนะ
หรือมีแล้วแต่ผมไม่ทราบ
โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นปราสาทหินแถวๆ
บ้านผม
ถ้าปั๊มออกมาเป็นรูปแบบต่างๆ
เช่น ลวดลายทับหลัง,
หรือรูปปราสาท
อะไรทำนองนี้แหละ
ลองนึกภาพ
ดูสิว่าจะสวยงามและน่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกขนาดไหน
เอาละครับ
อิ่มหนำสำราญ
และซึมซับเอาบรรยากาศของ
Grand Canyon
เป็นครั้งสุดท้ายของเที่ยวนี้
และก็
ไม่รู้ว่าจะได้มาอีกเมื่อไหร่
เพราะมันไม่ใช่มากันง่ายๆ
นะขอรับ
อำลา-อาลัย
Grand Canyon มุ่งหน้าสู่ Las Vegas อีก ๕
ชั่วโมงกว่าจะถึง
ของีบเอาแรงก่อนดีกว่า
อาการไอ
เริ่มกำเริบหนักขึ้นเรื่อยๆ วิ่งมาได้ครึ่งทางแถวๆ
เมือง Kingman ก็จอดปั๊ม
พักทั้งรถทั้งคน
ได้โอกาสของคนไทยนัก Shopping
ติดอันดับโลกทำงานอีกครั้งแล้ว
(ฮา)
มาทั้งทีไม่ซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือก็ดูกระไรอยู่
ผมได้ Posrcard
กับไอศรีมดับร้อน
แม้ว่าจะไอแต่ก็ทนไม่ไหวครับท่าน
ร้อนระเบิดเทิดเถิง
ดูบรรยากาศในรูปก็แล้วกัน
นั่นแหละเส้นที่เราเดินทาง
...
เหมือนเอาเมืองไปตั้งไว้บนโลกพระจันทร์
เสร็จภารกิจก็ออกเดินทางต่อ
จุดหมายปลายทางคือ Las Vegas
แต่ระหว่างทางนั้นมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
กั้นขวางอยู่
มีหรือที่พวกเราจะเสียโอกาสที่ดีที่สุดของชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
....
 |

|
Hoover
Dam |
เคยอ่าน
เคยเรียนตั้งแต่สมัยประถมนู้น
ว่าเขื่อน
ฮูเวอร์เป็นเขื่อนขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
ใครจะนึกฝัน
ว่าสักวันจะได้มานั่งถ่ายภาพอยู่ที่สันเขื่อนที่ว่านี่
ส่วนเขื่อนในเมืองไทยผมเคยเห็นไม่กี่แห่ง
เขื่อน
ยันฮีที่สามเงา จ.ตากที่ว่าสูงอันดับ
๗ ของโลก ผมก็
เคยแต่นั่งรถประจำทางผ่าน
ไม่มีวาสนาได้เห็น |
เขื่อนที่รู้จักมักคุ้นที่สุดคือ
เขื่อนห้วยเสนงที่สุรินทร์นี่แหละ
รองลงมาคือเขื่อนลำตะคอง
ที่สีคิ้วโคราช
เพราะนั่งรถผ่านทุกครั้งที่ขึ้นลง
กท.
และอีกแห่งก็คือเขื่อนเจ้าเณรหรือเขื่อนศรีนครินทร์
ที่มีโอกาสแวะเวียน
ไปหลายหนอยู่เหมือนกัน
เนื่องจากไปทำกิจกรรมนักศึกษา
เมื่อครั้งเรียนที่รามคำแหง
ส่วน "เขื่อนฮูเวอร์"
นี่แค่คิดก็ยังไม่กล้าแล้ว
ได้ไปอเมริกาก็ถือเป็นวาสนาสูงสุดครั้งหนึ่งในชีวิต
แต่นี่มีโอกาส
ไปเห็นสิ่งที่ถูกจัดว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคกลางของโลก
(ไปอเมริกาครั้งนี้ผมมีโอกาสเห็นถึง
๓ สิ่งด้วยกัน คือ
เขื่อนฮูเวอร์,
เรือควีนส์แมรี่ และสะพานโกลเด้นเกท
จะทยอยเล่าไปเรื่อยๆ
นะครับ)
ไหนๆ
ก็แวะมาชมแล้วก็ขอเล่าประวัติให้ฟังกันหน่อยนะครับ
Hoover Dam
เป็นเขื่อนที่สร้างกั้นแม่น้ำโคโลราโดระหว่างรัฐเนวาด้ากับอริโซน่า
ในสมัยประธานาธิบดี
คนที่ ๓๑ Herbert Hooverโดยมีลักษณะสำคัญๆ
คือเป็นเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก
ที่กักน้ำสำหรับชาว
แคลิฟอร์เนียตอนใต้
มีความสูงถึง๗๒๖.๔ ฟุต ยาว ๑,๒๘๒
ฟุต ใช้เวลาก่อสร้างนาน ๗
ปี มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
๑๗ เครื่อง
เรามีเวลาดื่มด่ำกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกนี้เพียง
๒๐ นาที
ก่อนจะนั่งรถผ่านสันเขื่อน
เพื่อไปกินข้าวเย็นที่
ร้านโอชา
ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยในลาสเวกัส
|