"สานฝันจากดิน...ก่อนบินสู่สหรัฐอเมริกา"...๙ (อย่าเรียนแค่ท่องจำ)

  
สอนท่ากายบริหาร มวยไทย หน้าเสาธงในตอนเช้า

อากาศที่เมืองลอสแองเจลิสยามนี้ร้อนระเบิดเถิดเทิง ยิ่งกว่าเมษาหน้าร้อนตอนสงกรานต์บ้านเรา
เสียอีกครับ แต่จะเป็นเฉพาะในช่วงกลางวัน ตั้งแต่ ๘ โมงเช้ากระทั่ง ๕ โมงเย็น และพระอาทิตย์ที่อเมริกา
หน้าร้อนนี่ จะทำงานแบบ Over time ครับ จะไปอัศดงเอาตอน ๒๐.๓๐ น. นู้นละครับ

ส่วนช่วงเช้าและช่วงหลังอัศดง อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวจัดจนเกินไป เหมือนๆ กับทางอีสานบ้านผม
ทำให้ปรับตัวได้ไม่ยากนักกับสภาพอากาศ แต่ไปยากตรงเวลานี่ละครับ เพราะเวลาบ้านเขากับบ้านเรา
มันดันตรงกันข้าม 

ในช่วง ๓-๔ วันแรกนั้น พอตกกลางวันตาก็เริ่มแดง กินข้าวไป ตาปรือกันเป็นแถวๆ...

ไหนๆ ก็ไปถึงเมืองนอกเมืองนาแล้ว หากไม่กล่าวถึงบ้างก็ดูกระไรอยู่... พอรู้ตัวว่าจะได้ไปนะครับ ผมก็
แวะไปตามร้านหนังสือต่างๆ เพื่อหาหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเมืองลอสแองเจลีส 

สารภาพตามตรงเลยว่า ผมไม่รู้เรื่องราวอะไรของเมืองนี้มากไปกว่า เป็นเมืองที่คนไทยอยู่มากที่สุด
หรือเมืองที่ได้รับฉายาว่าเป็นจังหวัดที่ ๗๗ ของไทย เพราะมีคนไทยอาศัยอยู่มากกว่าพลเมืองของจังหวัด
ระนองเสียอีก 

Los Angeles นครแห่งนางฟ้า เมือง L.A. หรือ ที่เราชอบเรียกกันติดปากว่า "ร้อยเอ็ด" พอมาศึกษา
เรื่องราวของเมืองๆ นี้ดูคร่าวๆ  (ยืนอ่านเอาในร้านนะครับ เพราะหนังสือแพงมาก) ก็พอจะทราบเลาๆ ว่า
เป็นเมืองที่น่าอยู่พอสมควร เป็นเมืองที่มีความหลากหลายของประชากรโลกมากที่สุดแห่งหนึ่ง 

มาทราบทีหลังตอนไปรับใบประกาศที่เทศบาลนครว่า มีประชากรจากทั่วโลกประมาณ ๑๔๐ กว่า
ประเทศ อาศัยอยู่ในนครแห่งนางฟ้านี้...

แต่เขาก็ดูแลให้สิทธิและความเสมอภาคเท่าเทียมกันหากคนๆ นั้นเป็นอเมริกันชน

หากเปรียบเทียบในระบบการปกครองกับบ้านเราแล้ว ลอสแองเจลีส เป็นเหมือนกับอำเภอๆ หนึ่งใน
จังหวัด California โดยมีเมือง Sacramento เป็นอำเภอเมือง หรือเมืองหลวงของรัฐ Calofornia นี้

แค่ California เมืองเดียวนี่ก็กินเนื้อทีเท่ากับ ๓ ใน ๔ ของประเทศไทยแล้ว ไม่ต้องพูดถึงอีก ๕๑ รัฐ
ที่เหลือนะครับ ประเทศนี้จึงใหญ่โตมโหฬาร และทำอะไรดูเหมือนอยากจะเป็นหนึ่งเสียแทบทุกอย่าง

California ก็เป็นเมืองลำดับที่ ๓๑ ของสหรัฐอเมริกา ในวันที่ ๙ กันยายน ค.ศ. ๑๘๕๐ ตรงกับปลาย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว กษัตริยาธิราชเจ้าองค์ที่ ๓ ของสยามประเทศ

และในปีเดียวกันนี้ รัฐบาลอเมริกาก็ได้แต่งตั้งให้ Mr.Soseph   Ballestier มาแก้สัญญาทางการค้า
ที่ทำไว้เมื่อตอนสมัยประธานาธิบดี Jackson ส่ง Mr.Edmund  Roberts มาทำสัญญาทางพระราชไมตรี
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๗๕ 

จะเห็นได้ว่าไทยกับอเมริกามีความสัมพันธ์กันมายาวนานพอสมควร

พูดถึงเมือง California นี่ ก็อดนึกถึงเพลงโปรดที่สุดของผมไม่ได้ Hotel California ของวง The
Eagle เคยบอกกับเพื่อนว่าสักวัน "กูจะไปถ่ายรูปหน้าโรงแรมนี้มาให้พวกมึงดู" (ขออภัยที่ใช้ภาษาสมัย
พ่อขุนครับ) ใครจะไปนึกฝันว่าจะได้ไปจริงๆ แต่ไม่มีเวลาไปหาโรงแรมชื่อนี้ มารู้เอาตอนหลังว่าโรงแรม
ทั้งหลายที่อยู่ในเมืองนั้นก็คือ Hotel California ทั้งนั้นแหละ

ได้อ่านประวัติศาสตร์ ได้ลองเขียนหนังสือ และเปรียบเทียบความเป็นไปของทั้งสองชนชาติ ทำให้ผม
ได้มุมมองที่กว้างขึ้น ทุกชนชาติล้วนมีประวัติการต่อสู้ที่ยาวนาน แม้จะอยู่คนละซีกโลก แต่จิตสำนึกของ
ความอยู่รอดโดยธรรมชาติ ล้วนมีอยู่ในสัตว์โลกทุกชนิด ไม่ว่าจะสัตวนั้นจะตั้งตัวว่าประเสริฐกว่าสัตว์อื่นๆ
ก็ตาม

เคยได้ยินมาว่า ประเทศที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น ล้วนให้ความสำคัญ
กับการให้การศึกษาด้านประวัติศาสตร์ และเน้นให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์ถึงความเป็นมาของประวัติศาสตร์
ชาติตนเอง ทำให้เยาวชนมีจิตสำนึกรักและหวงแหนประเทศของตน
และไม่ให้กลุ่มผลประโยชน์มาแสวง
หาความร่ำรวยบนความทุกข์ของคนทั้งประเทศ 

ประเทศที่เจริญแล้ว ล้วนให้ความสำคัญกับพลเมืองทุกคนโดยเท่าเทียม

ผิดกับบ้านเรา ระบบการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ที่เน้นเพียงการท่องจำ...ปีไหนที่ไทยเสียกรุงให้กับ
พม่าครั้งที่ ๑ หรือครั้งที่ ๒ ปีไหน...หรือคนนั้นชื่ออะไร...

ไม่เคยมีการสอนให้วิเคราะห์ วิพากษ์ หรือให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งในปัจจุบัน
ผมไม่ทราบว่า...การเรียนการสอนระบบนั้นยังมีอยู่หรือเปล่า

ประวัติศาสตร์ล้วนให้แง่คิดเพื่อการดำรงอยู่ในปัจจุบัน แต่หากคนในปัจจุบันไม่ได้คำนึงถึงความเป็นมา
ของตนเองและสำนึกในการสร้างชาติ

ยากครับที่รักษาบ้านเมืองของตนให้อยู่รอด เหมือนกับที่บางประเทศกำลังประสบอยู่

ด้วยจิตคารวะ



คำ "ติ-ชม" ของท่านมีค่ามหาศาลต่อการพัฒนาเว็บไซต์ครับ

created by.
กระดานดำออนไลน์
730/4 Tassabarn 7 Rd. Tambol.Ra-ngang
Sikhoraphum District, Surin Province.Thailand 32110

email : jakrapog@hotmail.com 

 ๒๙ มกราคม ๒๕๔๔