ฉันมาสาย
มาสายเหลือเกิน
...เพราะดื่มเพลินไปหน่อย... แหะๆ
เปล่าหรอก ที่จริงมันต้องเพลง
ฉันมาไกล มาไกลเหลือเกิน
ของอาเฮีย ไมเคิล หว่อง แกนะ
(คนบ้าอะไรหล่อชะมัด...อ้าว...ดัน
ไปชมผู้ชายด้วยกันอีก
อย่าไปเข้าใจถูกนะ ...เอิ๊กกกก) ... จากสุรินทร์มากรุงเทพฯ
จากกรุงเทพฯ ไปบางแสน....
สายๆ ของวันเสาร์ที่ ๒๒
มกราคม ๒๕๔๓ การเดินของหนุ่มโสด ๔
ชีวิต
ก็ได้เริ่มต้นเดินทางไปร่วม
กับคาราวานปันน้ำใจ โดยอาศัย 4WD
ของท่าน OB1
จากบางแสนโดยมีพี่แสงกับนายอ๊อดรวมทั้ง
ผมด้วย
เพื่อไปสมทบกับคาราวานของเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวบีพีทั้งหลาย
ที่ล่วงหน้าจากกรุงเทพ
ไปก่อนแล้ว...
ตะกุกตะกัก ทุลักทุเล
มาถึงโรงเรียนได้ก็แกล้งหลงๆ
ลืมๆ เส้นทาง
จอดถามทั้งชาวบ้านและ
ตำรวจ เพื่อทำให้เหมือนกับว่า
เรามาไม่ถูกจริงๆ...(ฮา)
เกือบจะเที่ยงพู้นละก็เห็นรถจอดพรึ้ดไปหมด
ที่บริเวณสนามหน้าโรงเรียน
คงจะใช่มั้ง
เลยแวะเข้าไปถามซะหน่อยว่า
"ใช่ชาวบีพีหรือเปล่า" .
ใช่เลย
ถูกใจฉันเลย...ฮะฮ่า
เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวบีพีมากันมากมายก่ายกอง
พะเนินเทินทึก
(ของที่มาแจก)ทำหน้าตาเหรอหรา
เดินเข้าไปทัก
(ตอนนั้นยังไม่ค่อยสนิทกับใครนัก
ตอนนี้ก็ยัง
ไม่รู้ว่าจะมีใครมาสนิท
กะเราหรือเปล่า...(ฮา...อีกรอบ)...)
ลังเลใจว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
แถวโรงอาหารคนก็เยอะ
บริเวณอาคารคนก็แยะ มั่วๆ ไปแถวๆ
ห้องเรียนก่อนดีกว่า...แอ่น แอน
แอ๊น ว่าแล้ว
ชาวคณะของเราก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียน
เพื่อไปสังเกตการณ์
ว่าพี่น้องเฮากำลังทำอันหยังกันอยู่
เสียงหัวเราะ เฮฮา
สนุกสนาน รื่นเริง บันเทิงใจ
ทั้งของเด็กและผู้ใหญ่คละเคล้าระคนกันไป
พลอยให้หัวใจเราเบิกบานไปด้วย...
ในห้องเรียน มีเด็กนักเรียนราวๆ
๕-๖๐ เห็นจะได้
และซุ้มหมู่เฮา
อีกบานตะเกียง
กำลังพาเด็กๆ
เล่นเกมส์เพื่อแจกของรางวัล
ส่วนพี่น้องที่เหลือก็ยืนเอาใจช่วยและ
เชียร์อยู่รอบห้อง
เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม
สลับกันไปเป็นระยะๆ
ดิฉัน เฮ้ย...ผมและ ๓หนุ่ม ที่มาสาย ก็เก้ๆ กังๆ
ไม่รู้จะทำอะไร
เลยนั่งหัวเราะไปกับเขาก่อน
ดีกว่า
และแล้วเวลาที่ผมก็มาถึง...อาหารเที่ยงไง...มาทันเวลาพอดี
ข้าวหมูแดง...ที่อร่อยที่สุดอีกมื้อ
ที่ผมเคยลิ้มรสมา
หรืออาจจะเป็นเพราะกระบี่มือหนึ่งและมือสอง
คือคุณยายและคุณป้าเจ้าของสถานที่
ที่มานั่งหั่นหมูและใส่ความตั้งใจลงไปเป็นพิเศษ
ทำให้อาหารมื้อนี้คงเป็นที่กล่าวขวัญ
สำหรับพี่น้อง
เราที่ได้ลิ้มรส...แซ่บหลายเด้อ...
ช่วงบ่าย
เมื่อหนังท้องตึง
สายตาก็เริ่มหย่อน
ว่าจะหา ที่นอน ที่เหมาะสม
แต่ดูแล้ว ไม่เข้าท่า ไม่น่าชม
เดี๋ยวจะถูก ด่าขรม ว่าอู้งาน
...เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊ง
เตรง เตร่ง เตร๊ง เตรง เตรง...
ว่าแล้ว
ก็ตรงแน่วไปที่ห้องเรียนอีกครั้ง
ได้ผล...ได้ทำงานแล้ว เย้...ดีใจจัง
แต่ยังไม่รู้ว่าจะไทอะรำ ทำอะไร
... พี่แปะยิ้ง (ที่จริงคุณ Sian)
เรียกผมให้เข้าไปช่วยเล่นเกมส์...
ยังงงงง เบลอๆ อยู่ นึกอะไรไม่ออก
ก็ดอกลั่นทมหรือแมงมุม
เอาไว้ก่อน ตามสูตรของผม
จากการสอบถามและพูดคุยกับคุณยายกระบี่มือหนึ่ง
เลยทราบมาว่าคนแถบนี้พูดอีสาน
ก็เลยได้ส่งสำเนียงเป็นเสียงอีสานกับเด็กๆ
อะฮ่า...ได้ผล เด็กๆ
ก็ร่วมสนุกสนานกะเราไปด้วย...
ลด แหลก แจก
กระหน่ำ...ลูกค้าเข้าคิวรอกับเพียบ...
ของรางวัลเยอะจริงๆ
ต้องขอขอบคุณ ขอบใจ
ทุกท่านที่ได้บริจาคสิ่งของและเสียสละเวลา
ส่วนตัวทั้งหลาย ในการระดมทุน
ระดมพลมากันในครั้งนี้ ... หมดมุข...
ปรึกษากับคุณชุ่มฉ่ำว่าจะเล่นเกมส์อะไรดี...
สรุปว่าทายปัญหาแล้วกัน
ผมยังงงงง
กับคำถามของพี่ท่าน
"สิบสองลบศูนย์"
ได้เท่ากับเท่าไหร่...
แจกจนหมด
ทั้งอุปกรณ์การศึกษา ของเล่น
รวมไปถึงทุนการศึกษาด้วย
ต้องขอชมเชยแม่งาน
ครั้งนี้อีกรอบทั้ง "ท่านเห่ย"
และ "ป้าหนิง"...
อ่านถึงตรงนี้แล้ว...หยุดอ่านสักครู่
แล้วปรบมือดังๆ
(เพื่อสร้างบรรยากาศ) เย้....
และรวมถึงทุกท่านที่ไม่ได้เอ่ยนามครับผม
...
งานปันน้ำใจเสร็จสิ้น
ลุล่วงไปด้วยดี
งานนี้มีแต่รอยยิ้ม...
เสร็จงาน"ปันน้ำใจ"
ก็ต้อง "ไปน้ำจัณฑ์"
ช่างคล้องจองเหมาะสม
(ผมคิดได้ยังไงเนี่ย) อะฮ่า
อย่าเข้าใจผิด
คิดว่าผมเป็นขี้เหล้า เมาหยำเป
นะขอรับ
...เพียงเล็กน้อยพอเป็นกษัยก่อนกินข้าวแค่นั้นเองครับ...
***งานนี้ที่เขาแผงม้า***
คาราวานกว่า ๑๐
คันรถของเพื่อนพ้อง น้องพี่
เคลื่อนทัพมุ่งหน้าไปตีเมืองขึ้น...เปล่าหรอก
ไปที่เขาแผงม้า
นัยว่าจะไปดูกระทิงที่นั่น...ขนาดขับรถตามกันมา...ยังมีพี่น้องเราหลงทางเล้ย
...ใครเอ่ย ...
ทางขึ้นโหดครือกันเน๊าะ...หลายท่านต้องจอดรถไว้ข้างล่างแล้วขึ้นหกล้อของทางมูลนิธิ
ส่วน 4WD ของท่าน OB1
ก็ได้ทำหน้าที่อย่างคุ้มค่าอีกครั้ง
...
เกิดเป็นชายชาตรีก็ต้องเสียสละให้คุณสุภาพสตรีเป็นธรรมดา...
ผมกับอ๊อดก็เลยต้องมานั่งชม
ช้างกันสองคนที่กระบะหลัง
ปล่อยให้ "งามจันทร์"
กับ "นู๋ก้อย"
เข้าไปนั่งสูดแอร์เย็นฉ่ำแทน
ก่อนเย็นย่ำ
ตะวันคล้อย
พวกเราก็ไปถึงที่นั่นทันเวลา
จัดแจงสัมภาระ
สัมภารกส่วนตัวเสร็จก็มา
ฟังคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติตัวสำหรับ
...ดูกระทิง...
ฟังคำชี้แจงแถลงไขเป็นที่เรียบร้อย
และรับทราบกันถ้วนทั่ว
ก็เดินเท้าไปตามเจ้าหน้าที่ ...
ว่ากันว่าสรรพเสียงของชาวเราทำเอาสรรพสัตว์
ตื่นตระหนกตกใจ
หนีหายเข้าไปทำใจก่อนว่า
...เอ...ไอ้เสียงแบบนี้มันมาดีหรือมาร้ายกันแน่หว่า...
กระทิงทั้งหลายแหล่เลยไปแอบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มกล้วย
นานสองนาน
ปล่อยให้พี่น้องเรา
คอยเก้ออยู่ นานสามนาน
นี่ถ้ากระทิงไม่ออกมา
ผมว่าจะไปยืมโคชาวบ้านมาแอบปล่อยซะหน่อย
แต่ดูแล้ว แต่ละบ้าน
ก็ไกลเหลือเกิน...ไม่ไหว ...
แต่ฟ้าย่อมเข้าข้างคนดี
(และคนที่แบกกล้องพร้อมขาตั้งหนักอึ้งด้วย
)
ในที่สุดรางวัลแด่คนช่างถ่าย(ภาพ)
ก็ถูกส่งมา
เมื่อเจ้ากระทิง(ใจร้าย)
โผล่มาอวดโฉม ให้พวกเรา
ได้วี้ดว้ายกระตู้วู้กัน
(เอ...ผมใช้คำถูกหรือเปล่าเนี่ย)
จากหนึ่งเป็นสอง
จากสองเป็นสาม และจากสามก็ยังเป็นสามอยู่อีกนั่นแหละมีโอกาสได้เห็น
กระทิงผ่านอุปกรณ์ชั้นเยี่ยมของหลายๆ
คน ...งานปันน้ำใจนี้
นอกจากจะเป็นการปันน้ำใจสู่เด็กๆ
ที่ผ่านมาแล้ว
การปันน้ำใจสำหรับชาวเราที่มีต่อกัน
ก็สร้างความรู้สึกดีๆ
ให้กับพวกเราไปอีกนานเท่านาน
"มาดูกล้องนี้สิ...ชัดแจ๋วเลย"
ตะวันสีส้มแดง
คล้อยต่ำจะลับเหลี่ยมเขา
ทำเอาพวกเราหลายหันมาบันทึกภาพ
แทนกระทิง
ที่ยังคงนิ่งเฉยและสภาพแสงที่ไม่เอื้อต่อการถ่ายภาพ...
...
ผมพาเจ้าป๊อกแป๊กเดินหามุมถ่ายกับเขาบ้าง
ไปได้มุมตรงที่มีกิ่งไม้อยู่ด้านซ้ายและพุ่มดอกหญ้า
(หรือเปล่า) สีขาวนวลอยู่ด้านขวา
หาเหลี่ยม
หามุมพอได้ที่ ก็กดชัตเตอร์ซะ... แชะ
...
อาทิตย์ลับฟ้า สกุณาคืนคอน
แล้วพวกเราจะอยู่ทำไม
ก็กลับไปที่พักสิ...
หากค่ำคืนนี้
หัวใจไม่แหลก ยับเยินเสียก่อน...
อาหารค่ำมื้อนี้
แซ่บอีหลีอีกแล้ว โดยเฉพาะ
น้ำพริก
ที่ขายดีที่สุด
ยิ่งถ้าหากกินกับ
"ผักกูด...(มีคนต่อท้ายให้ด้วย...นึกเอาเองเด้อ)"
อร่อยอย่าบอกใครเชียว ...
อิ่มหนำสำราญ
เบิกบานฤทัยอีกครั้ง
มานั่งฟังบรรยายทางวิชาการ
เป็นอาหารสมอง ก่อนจะไป "เอนเตอร์เทน"
...
ได้มีโอกาสเห็นปุ่ม
หลุม ของดวงจันทร์และวงแหวนดาวเสาร์ของจริง
อีกทั้งดาวพฤหัสและ
ดวงจันทร์บริวารทั้งหลายทั้งปวง
ผ่านอุปกรณ์ชั้นดีของพี่ใบบัวบกกับของเจ๊เคน ก็ถือเป็นบุญตา
ของผมละครับ ...บุญตาจริงๆ
ณ Center point...
เรียกซะหรูเลย
เมื่อเพื่อนพ้องน้องพี่มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
ถึงเวลา
"ไปน้ำจัณฑ์" หลังดูกระทิงแล้ว ผม,
อ๊อด, OB1 ก็ไปดูช้างกันต่อ
อีกกลุ่มก็พาลุงจอห์นนี่
ไปเดินเล่นกัน
ส่วนทางพี่ทอมของเราก็ไปเยี่ยมญาติต่างประเทศ...
***บ้างร้องเพลง
บรรเลง กีตาร์กล่อม
บ้างก็ย้อม หัวใจ ด้วยบาเล่ย์
บ้างดูจันทร์ กระจ่างฟ้า
บ้างฮาเฮ
บ้างก็เป๋ เพราะตกช้าง
ไม่ทันระวัง***
เที่ยงคืนกว่า
หลังช้างเข้าป่าหมดแล้ว
ผมเห็นลุงจอห์นนี่ยืนเหงาอยู่คนเดียว
ก็เลยชวนอ๊อด
ไปหาลุง.... แล้วเราก็พาลุงไปตามหาช้างต่อไป....
๘ โมงเช้า
ตั้งใจว่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น
คงจะไม่ทันแล้วละ
ตื่นมาตะวันก็ส่องก้นแล้ว
ลุงหนาลุง
ไม่น่าไปตามหาช้างจนดึกจนดื่นเล้ยยยยย
...
วันนี้เลยได้เรียนวิชาดูนกไปกับชาวคณะ
ผมเพิ่งรู้
เพิ่งได้สัมผัสว่า
การดูนกผ่านกล้องแล้วเห็นตัวนกชัดๆ
ทุกรูขุมขน มันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง
กล้องส่องทางไกลก็พอจะหามาได้....
แต่ดันไม่เอาไปใช้ให้มันถูกทาง ...
...เอิ๊กกกกกก .... ได้รับความรู้
รอยยิ้ม
น้ำใจอันเปี่ยมล้นจากเพื่อนพ้อง
น้องพี่
กับการเดินทางมาจากสุรินทร์ครั้งนี้
ถือเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าที่สุดในชีวิตการเดินทางของผม
อีกครั้งหนึ่ง หากมีโอกาส
ผมก็จะไปอีกเด้อ
...
ขอบคุณทุกคนแทนเด็กๆ
ขอบคุณทุกคนที่ร่วมแบ่งปันน้ำใจให้กันและกัน
... ขอบคุณทุกคนที่เสียสละแรงกาย
แรงใจ และสิ่งของทั้งหลาย
...
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ... |